ปัญหาใต้วงแขน กับวิธีการดูแลรักแร้

ปัญหาสุขภาพต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างอาการที่อาจเกิดขึ้นกับผิวบริเวณรักแร้ ซึ่งสามารถดูแลและป้องกันการเกิดอาการต่าง ๆ ได้ ดังนี้ 

ภาวะเหงื่อออกมาก เป็นภาวะที่ร่างกายขับเหงื่อออกทางผิวหนังมากผิดปกติจนอาจเกิดการเจ็บป่วยได้ ซึ่งรักษาได้โดยใช้สารระงับเหงื่อ ใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ ฉีดโบท็อกซ์ ตลอดจนเข้ารับการผ่าตัดหรือการจี้ปมประสาท เป็นต้น 

นอกจากนี้ หากกำลังเผชิญภาวะเหงื่อออกมาก อาจมีแนวทางดูแลสุขภาพรักแร้ ดังนี้ 

  • อาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดเป็นประจำทุกวัน แล้วเช็ดรักแร้ให้แห้งเสมอ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย 
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ผสมสารลดเหงื่อจำพวกอะลูมิเนียมคลอไรด์ทั้งกลางวันและก่อนนอน 
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ผลิตจากใยธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยระบายเหงื่อได้ดี 
  • หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มร้อนอย่างชาและกาแฟ รวมทั้งแอลกอฮอล์และอาหารรสเผ็ด เพราะอาจกระตุ้นการหลั่งเหงื่อได้ 
  • ฝึกสมาธิให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย รวมถึงช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้หลั่งเหงื่อ 
  • ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์หรือมีภาวะอ้วน 

รูขุมขนอักเสบ รูขุมขนบริเวณรักแร้อาจอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่มักเป็นเพียงการอักเสบที่ไม่รุนแรงและหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่อาจดูแลอาการได้โดยล้างทำความสะอาดรักแร้ด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย 2 ครั้ง/วัน ใช้ผ้าเช็ดตัวและสวมเสื้อผ้าที่สะอาดเสมอ หากอาการไม่ดีขึ้นก็อาจต้องไปพบแพทย์ โดยแพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านเชื้อแบคทีเรียและยาต้านเชื้อราชนิดยาทาผิวหนัง รวมถึงยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวมของรูขุมขนด้วย 

ส่วนการป้องกันการเกิดรูขุมขนอักเสบบริเวณรักแร้ อาจทำได้โดยหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือเนื้อผ้าที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น ไม่สวมผ้ายืดใยสังเคราะห์ ไม่สวมถุงมือยาง เป็นต้น 

ติ่งเนื้อที่รักแร้ เป็นก้อนเนื้อเยื่อเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นและไม่เป็นอันตราย แต่อาจเกิดการระคายเคืองได้หากติ่งเนื้อสัมผัสหรือเสียดสีกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับ โดยอาจไปปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนรักษาติ่งเนื้อด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ตัดติ่งเนื้อออกด้วยกรรไกรแพทย์ ผ่าตัดด้วยความเย็นซึ่งเป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวตัดเนื้อเยื่อออก หรือใช้เครื่องมือไฟฟ้าจี้ตัดติ่งเนื้อออกไป เป็นต้น 

ผื่น อาจเป็นผื่นขรุขระสีแดงหรือผื่นเป็นเกล็ดสีขาวบริเวณผิวรักแร้ ซึ่งอาจสังเกตได้ว่าเป็นผื่นเมื่อมีอาการคันหรือระคายเคืองเกิดขึ้นแล้ว โดยอาจเกิดไม่กี่ชั่วโมงหรือนานเป็นเดือน และการรักษาผื่นที่รักแร้ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นด้วย เช่น การติดเชื้อรา การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ หรือต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตไขมันซีบัมออกมามากเกินไป เป็นต้น 

โดยทั่วไป อาจรักษาและป้องกันผื่นลุกลามไปยังบริเวณอื่นได้ด้วยวิธีการ ดังนี้ 

  • ไม่เกาตามผิวหนังที่เกิดผื่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อแพร่กระจาย 
  • รับประทานยาแก้แพ้ 
  • ทาครีมไฮโดรคอร์ติโซนหรือโลชั่นคาลาไมน์ เพื่อลดอาการคันระคายเคืองและการอักเสบของผิวหนัง 

ส่วนการป้องกันการเกิดผื่นบริเวณรักแร้ ได้แก่ 

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ และไม่อยู่ในบริเวณที่มีสารที่ตนแพ้ 
  • อาบน้ำรักษาความสะอาดรักแร้ให้ดี อาจปล่อยให้รักแร้แห้งเองแทนการเช็ดถูด้วยผ้าขนหนู 
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าฝ้าย และแต่งกายด้วยเสื้อหลวม ๆ ไม่ให้แขนเสื้อรัดรักแร้มากเกินไป 
  • หลีกเลี่ยงอากาศร้อน อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น และเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศหากภายในที่พักอาศัยมีอากาศร้อน 

นอกจากนี้ แม้ขนรักแร้ที่งอกขึ้นมาอาจมีหน้าที่ปกป้องผิวหนังอ่อนนุ่มใต้วงแขน แต่ขนเหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดความอับชื้นและสิ่งสกปรกหมักหมมได้ ดังนั้น หากต้องการกำจัดขนรักแร้ อาจทำได้โดยการโกน การถอน หรือการแว็กซ์ขน ซึ่งแต่ละวิธีล้วนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป จึงควรศึกษาให้ดีก่อนลงมือกำจัดขนรักแร้เสมอ และนอกเหนือจากภาวะข้างต้นแล้ว อาจมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ทำให้รักแร้เกิดอาการแพ้หรือมีอาการต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งหากพบอาการผิดปกติบริเวณรักแร้แล้วอาการไม่ทุเลาลงหลังดูแลรักษาอาการด้วยตนเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป 

Resources

● pobpad.com

โพสที่เกี่ยวข้อง :

6 สาเหตุของ “ ริ้วรอย ก่อนวัยอันควร ”

1.น้ำตาล แม้การกินของหวานจะสร้างความสุขและความผ่อนคลายเพียงใด แต่สาวๆ รู้ไว้เลยนะคะว่าน้ำตาลนี่แหละค่ะที่เป็นตัวร้ายทำลายผิว เพราะน้ำตาลจะเข้าไปจับตัวกับคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้คอลลาเจนสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงไม่นุ่มเด้ง หมองคล้ำ หย่อนคล้อย และมี ริ้วรอย ก่อนวัยอันควรค่ะ 2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การย่อยแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายต้องใช้เอนไซม์มากกว่าปกติ ร่างกายจึงจำเป็นต้องดึงเอนไซม์จากส่วนอื่นมาทดแทน ทำให้เอนไซม์ที่เหลือไม่เพียงพอต่อการผลัดเซลล์ผิว ผิวจึงหมองคล้ำ ไม่เพียงเท่านั้น แอลกอฮอล์ยังสร้างสารพิษตกค้างที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย (อนุมูลอิสระทำให้ผิวแก่เร็วขึ้น) และส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณน้ำในเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวมีน้ำน้อยลงและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายค่ะ 3.แสงแดด ท่องไว้เลยค่ะว่ารังสี UVB ทำให้ผิวคล้ำ รังสี UVA ทำให้ผิวแก่เร็ว เพราะรังสี UVA ตรงเข้าทำลายอิลาสตินในชั้นหนังแท้ได้ ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ผิวจึงยุบตัว จนเกิดเป็นร่อง-ริ้วรอยก่อนวัยนั่นเองค่ะ 4.มลภาวะ สิ่งสกปรก ฝุ่น ควันท่อไอเสีย หรือแม้กระทั่งหยาดฝนล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวหน้า เพราะสามารถสะสมและอุดตันจนก่อให้เกิดการระคายเคือง ผดผื่น สิว การอักเสบของผิวหน้า ไปจนถึงริ้วรอยก่อนวัยได้ไม่ยากเลยค่ะ 5.พักผ่อนน้อย การนอนหลับโดยเฉพาะช่วง 22.00 – 02.00 [อ่านต่อ]

5 สาเหตุทำต้นขาใหญ่ เซลลูไลท์สะสมที่ควรเลี่ยง

สาวๆ ส่วนใหญ่คงกำลังกังวลกับปัญหาต้นขาใหญ่ เซลลูไลท์สะสมกันอยู่ใช่หรือไม่ แต่ปัญหานี้จะหมดไป เพียงแค่คุณหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์เท่านั้น ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่านอกจากจะมีไขมันเป็นต้นเหตุแล้ว ยังอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่คุณคาดไม่ถึงได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นมาดูกันเลยว่า มีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ที่ต้นขา และควรหลีกเลี่ยงโดยด่วน 1.ขี้เกียจออกกำลังกาย สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์สะสม ต้นขาใหญ่จนน่าปวดหัว นั่นก็คือการขี้เกียจออกกำลังกายนั่นเอง เพราะเมื่อมีการขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง จะทำให้เซลลูไลท์ที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ได้รับการสลายออกไปจนกลายเป็นเซลลูไลท์ก้อนโตที่กำจัดได้ยากในที่สุด ดังนั้นมาออกกำลังกายให้มากขึ้นกันดีกว่า 2.ของจำพวกทอดๆ มันๆ ชีสบอลทอด หมูชุบแป้งทอด ลูกชิ้นทอด คือของอร่อยที่หนึ่งอาทิตย์จะต้องลิ้มรสสักเจ็ดวัน! แต่รู้หรือไม่ว่า นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์สะสมที่ต้นขาเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรรับประทานแต่พอดี หรือเป็นไปได้ ลดและเลิกจะดีกว่า เพื่อการมีหุ่นสวยที่สวยเป๊ะ ไร้เซลลูไลท์หรือไขมันต้นขามากกวนใจนั่นเอง 3.อาหารที่เต็มไปด้วยโซเดียม การทานรสเค็มไม่ผิด แต่หากทานมากเกินไปก็จะทำให้ต้นขาขยายใหญ่ขึ้น! เพราะการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากๆ จะทำให้ตัวบวมหน้าบวมแขนบวม โดยเฉพาะขาที่อาจจะมีเซลลูไลท์ไปสะสมอยู่เป็นจำนวนมากได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสามเท่า ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเลยทีเดียว รู้อย่างนี้แล้ว มาลดการทานอาหารรสเค็มจัดให้น้อยลงกันดีกว่า 4.ละเลยการนวดต้นขา หลายคนอาจจะงงว่าการไม่นวดต้นขาเกี่ยวกับอะไรกับการทำให้ต้นขาเกิดเซลลูไลท์สะสมด้วย ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเกี่ยวอย่างแน่นอน เพราะในหนึ่งวันเราจะต้องเดินกันหลายร้อยก้าว ทำให้น้ำหนักส่วนมากถ่ายเทไปยังต้นขาจนทำให้ต้นขาใหญ่ขึ้นในที่สุด แต่ถ้าลองนวดต้นขาเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ต้นขาเล็กลง เกิดความกระชับ และช่วยสลายเซลลูไลท์ส่วนเกินได้อย่างแน่นอน [อ่านต่อ]